Hotline 083-411-9393
Saturday , 26 July 2025
Home Lifestyle สสส. ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม เครือข่ายงดเหล้า ชวนคนไทยเฉลิมฉลองปีใหม่ Party No-L แบบสนุกได้ไร้แอลกอฮอล์ หวังลดอุบัติเหตุบนท้องถนนและลดผลกระทบทางสังคมช่วงเทศกาลปีใหม่
Lifestyle

สสส. ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม เครือข่ายงดเหล้า ชวนคนไทยเฉลิมฉลองปีใหม่ Party No-L แบบสนุกได้ไร้แอลกอฮอล์ หวังลดอุบัติเหตุบนท้องถนนและลดผลกระทบทางสังคมช่วงเทศกาลปีใหม่

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่เอบีน่าเฮ้าส์ กรุงเทพฯ มูลนิธิพลังสังคม เครือข่ายองค์กรงดเหล้า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีเสวนาเฉลิมฉลองปีใหม่ Party NO L สนุกได้ไร้แอลกอฮอล์ ทางเลือกมากมายเพื่อลดผลกระทบทางสังคม โดยมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ของการจัดงานปีใหม่ที่สร้างสรรค์และปลอดภัย

นายพิทยา จินาวัฒน์ คณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สสส.

นายพิทยา จินาวัฒน์ คณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สสส. กล่าวว่า เทศกาลปีใหม่คือช่วงเวลาสำคัญที่อุบัติเหตุทางถนนพุ่งสูงขึ้นอย่างน่ากังวล ปีใหม่ 2567 ที่ผ่านมามียอดรวมผู้เสียชีวิต 284ราย บาดเจ็บ 2,307 คน เกิดอุบัติเหตุ 2,288 ครั้ง แม้ตัวเลขจะลดลงจากปีก่อนหน้า แต่เมื่อติดตามต่อในรายที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พบยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดกลายเป็น 486 ราย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก โดยผู้ประสบอุบัติเหตุเป็นเด็กเยาวชนอายุต่ำกว่า 25 ปี มากถึงร้อยละ 23.86 โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 86.31 เกิดกับรถจักรยานยนต์ และมีสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมาจากการดื่มแล้วขับร้อยละ 23.16 กิจกรรมรณรงค์อย่าง Party No-L จึงเป็นอีกก้าวสำคัญในการส่งเสริมวัฒนธรรมการเฉลิมฉลองอย่างปลอดภัยและลดผลกระทบทางสังคม ป้องกันไม่ให้เกิดเหยื่อจากการเมาแล้วขับ การดำเนินงานของ สสส. และภาคีหลายเรื่องได้เปลี่ยนพฤติกรรมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะให้เหล้าเท่ากับแช่ง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนวัฒนธรรมการให้ของขวัญช่วงเทศกาลต่างๆ กิจกรรมการส่งเสริม Party No L นี้เป็นอีกความห่วงใยที่จะช่วยลดการดื่ม และลดอุบัติเหตุทางถนนที่จะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาล

นายวิษณุ  ศรีทะวงศ์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม

นายวิษณุ  ศรีทะวงศ์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม ระบุว่า มีตัวอย่างของการดำเนินงานจากหลายภาคส่วนที่สร้างทางเลือกในการลดผลกระทบจากการดื่ม ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ข้ามปี การเฉลิมฉลองด้วยกิจกรรมด้านประเพณีท้องถิ่นและกิจกรรมของกลุ่มชาติพันธ์ การจัดงาน PartyNO L สนุกได้ไร้แอลกอฮอล์ เป็นการส่งสัญญาณหาทางออกจากความทุกข์คือการเจ็บตายความสูญเสียที่รออยู่ข้างหน้า การจัดงานควรหลีกเลี่ยงจากความเสี่ยงต่างๆ งานคอนเสิร์ตและเคาท์ดาวน์ควรดูแลเรื่องจำนวนคนที่เข้าร่วมและการระบายคนในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินกรณีมีผู้คนมาร่วมงานหนาแน่น ตัวอย่างประเทศญี่ปุ่นมีการดูแลบริหารจัดการอย่างดีและมีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีถึงกับมีคำสั่งยกเลิกการจัดงานเคาท์ดาวน์ในพื้นที่ชิบูย่าเมืองโตเกียวและควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาดเนื่องจากคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนที่เข้ามาร่วมกิจกรรม นอกจากนี้การที่ประเทศไทยมีผู้ใช้มอเตอร์ไซด์มากเป็นอันดับหนึ่งของโลกการแก้ไขอุบัติเหตุความสูญเสียจากการเดินทางในระยะยาวต้องกระจายอำนาจและสร้างระบบขนส่งสาธารณะที่ดีมารองรับ แต่สิ่งที่ทำได้ทันทีในปัจจุบันคือการลดเหตุที่จะนำไปสู่ความเสี่ยงลดโอกาสในการดื่มหรือร่วมกันดูแลหลังการดื่ม ดังนั้นภาคส่วนต่างๆ ทั้งวัด ท้องถิ่น ชุมชนและภาคเอกชนต้องร่วมมือกันออกแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกันและคำนึงถึงความต้องการความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ

นายธีรภัทร์ กุลพิศาล  เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กล่าวว่า ตนเคยประสบอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่เมื่อปี 2544 จนทำให้ต้องกลายเป็นผู้พิการ อยากเรียกร้องให้มีการปรับปรุงกฎหมายดื่มแล้วขับให้มีโทษหนักขึ้นเพราะจะทำให้คนไม่กล้าไปดื่มแล้วขับเพื่อป้องกันเหตุสลดในอนาคต และเสนอว่าผู้บังคับใช้กฎหมายควรเข้มงวดทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา

คุณสิริกุล วงษ์สิริโสภาคย์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า จำนวนครั้งและจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงเทศกาลมีแนวโน้มลดลง สาเหตุหลักของอุบัติเหตุคือขับรถเร็วตามมาด้วยเมาแล้วขับ รถมอเตอร์ไซด์เป็นพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดซึ่งมากกว่าครึ่งล้มเองโดยไม่มีคู่กรณี เมื่อสืบสาเหตุที่ล้มจะพบว่าเกิดจากการเมา ปีนี้เปลี่ยนการรณรงค์จาก 7 วันอันตราย เป็น 10 วันอันตราย คือ ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2558 เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่คนจะลางานวันศุกร์ที่ 3 มกราคม เพื่อให้มีวันหยุดต่อในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 4-5 มกราคม 2567 อุบัติเหตุในช่วงปีใหม่จะเกิดในถนนสายรอง การตั้งด่านชุมชนและด่านครอบครัว จะเป็นการป้องกันไม่ให้คนรอบตัวที่เมาแล้วไปขับรถ

พระครูภัทรธรรมคุณ มูลนิธิสังฆะเพื่อสังคม กล่าวว่า ความสำคัญของพลัง “บวร” บ้าน วัด ราชการต้องร่วมมือกันจัดกิจกรรมช่วงปีใหม่โดยไม่มีแอลกอฮอล์ พร้อมยกตัวอย่างวัดที่จัดสวดมนต์ข้ามปี ซึ่งมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 โดยมีการสวดมนต์ตั้งแต่ 2 ทุ่มถึงเที่ยงคืน จนประสบความสำเร็จในการลดการดื่มในชุมชน

นายกิตติมาศักดิ์ สีเดือน เครือข่ายเครือไตชาติพันธุ์ กล่าวว่า ได้ร่วมกันจัดงานปีใหม่ชาติพันธุ์แบบปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในวันที่ 1-2 มกราคม ณ วัดไทยวัฒนาราม อ.แม่สอด จ.ตาก โดยเป็นการจัดงานร่วมกันของ 8 ชาติพันธุ์ โดยได้ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมในการออกแบบกิจกรรมในงานปีใหม่ด้วย

คุณเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ ร่วมกันคิดและตั้งคำถามกันว่าเชียงใหม่เป็นเมืองที่ร่ำรวยวัฒนธรรมอย่างมาก เหตุใดงานปีใหม่คนจึงคิดถึงแต่งานคอนเสิร์ต จึงคิดที่จะจัดตีกลองฉลองปีใหม่  และจุดพลุคนเมือง ซึ่งในปีนี้จะมีการจัดงานที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์  โดยใช้กลองพื้นบ้านของจังหวัดเชียงใหม่รวม 8 ชนิด ในชื่อ จุมก๋องล้านนา อัฐถมังคละเภรีเบิกวิถีปีใหม่ไทย ๒๕๖๘ เราเชื่อว่าแต่ละพื้นที่มีจุดเด่นด้านวัฒนธรรมของตนเอง ซึ่งภาครัฐควรส่งเสริมเพื่อให้เกิดการจัดงานปีใหม่บนพื้นที่ทางเลือกหรือพื้นที่สร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม

นางสาวพรทิพย์ พิมพ์โสภา กลุ่มเด็กอุบล กล่าวว่า ทำอย่างไรให้เด็กได้ทำกิจกรรมอย่างปลอดภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติด โดยเด็กเยาวชนจะมีส่วนร่วมในการเสนอกิจกรรมที่อยากทำ และจะเวียนไปตามประเด็นความสนใจของผู้เข้าร่วม การใช้กิจกรรมและการส่งเสริมพื้นที่สร้างสรรค์ก็เป็นอีกหนึ่งกลวิธีในการปลูกฝังค่านิยมที่ดีให้แก่เด็กเยาวชน

นายธีรัช จันทร์หอม และ น.ส.อัญญารัตน์ โกติรัมย์ ชมรมคนหัวใจเพชร กล่าวว่า แต่เดิมตนสองคนทำงานในโรงงาน จะดื่มและสังสรรค์กันทุกวัน วันที่เกิดอุบัติเหตุไปดื่มห่างจากบ้านประมาณ 30 กิโลเมตรดื่มถึงตีหนึ่งแล้วหลับในทำให้เกิดอุบัติเหตุ ต้องนอนรักษาตัว 1 เดือนและกลับมาอยู่บ้านที่บ้านป่าเลน จังหวัดพัทลุง ซึ่งในชุมชนมีการรณรงค์เป็นชุมชนคนสู้เหล้า ได้ร่วมกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ ได้อบรมเครื่องดื่มSoBrink รู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้น ทำให้มีเงินเหลือโดยตั้งเป้าว่าจะเก็บเงินที่ประหยัดได้จากที่เคยซื้อเหล้าเบียร์เพื่อไว้ไปท่องเที่ยว

Miss Lea Segatto อาสาสมัครมูลนิธิทองทศ จากประเทศอิตาลี กล่าวว่า รู้สึกประทับใจวัฒนธรรมและคนไทย เช่น คนไทยยิ้มง่าย ตอนมาเที่ยวครั้งแรกตั้งใจมาเที่ยวตรอกข้าวสาร แต่เมื่ออยู่เมืองไทยนานๆ ชอบเที่ยวด้านวัฒนธรรมมากกว่า เช่น เที่ยววัดวาอาราม และวัฒนธรรมท้องถิ่น สภาพแวดล้อมที่สวยงาม โดยได้ยกตัวอย่างว่าที่ประเทศอิตาลีผู้ขายเหล้าจะพิจารณาว่าผู้ซื้อมึนเมาหรือไม่ หากเมาแล้วจะไม่ขายต่อ เพราะถ้าขายต่อจะเป็นการไม่รับผิดชอบต่อสังคม ในมุมมองของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทยส่วนใหญ่ต้องการมาเรียนรู้สัมผัสประสบการณ์ด้านวัฒนธรรมมากกว่าการตั้งใจมาปาร์ตี้มากินดื่ม

Recent Posts

Categories

Related Articles

CADT DPU จัด Flight Simulator Landing Challenge 2025 สร้างแรงบันดาลใจสู่อาชีพนักบินพร้อมเปิดหลักสูตร ป.ตรี ควบใบอนุญาตนักบินพาณิชย์ตรี ภายใน 3.5 ปี

วิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบิน (CADT) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดการแข่งขันการบินเสมือนจริงโดยเครื่องจำลองการบิน (Simulator) ภายใต้โครงการ Flight Simulator Landing Challenge 2025...

Trip.com Group ตอกย้ำบทบาทผู้นำท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก เปิดตัวฟีเจอร์แสดงข้อมูลปล่อยคาร์บอนทุกการเดินทาง พร้อมดูแลชุมชนและพนักงานครบทุกมิติ

Trip.com Group ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวชั้นนำ ได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนฉบับล่าสุด โดยรายงานนี้แสดงให้เห็นความก้าวหน้าที่สำคัญของบริษัทในด้านความยั่งยืน โดยมีหลักการ “Friendly Four” เป็นแนวทาง ได้แก่ การเป็นมิตรต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นมิตรต่อชุมชน...

สสส.– มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว ผนึก โรงเรียนเสนานิคม จัดนิทรรศการสัญจร “FAKE OR FRESH?” ปลูกภูมิคุ้มกันเด็กไทย “เลือกได้ ดูออก” เท่าทันภัยบุหรี่ไฟฟ้า

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว จัดนิทรรศการสัญจร FAKE OR FRESH? – MY LIFE EXHIBITION ภายใต้โครงการ...