Hotline 083-411-9393
Tuesday , 10 June 2025
Home Lifestyle เครือข่ายหยุดพนันบุกกฤษฎีกา ยื่น 4 ข้อหนุนความเห็นกฤษฎีกาแยกกาสิโนออกจากสถานบันเมิงครบวงจร ชงควรอยู่ภายใต้ พรบ.พนัน พร้อมขอเวลาให้ภาคีรวบรวมรายชื่อประชาชนเสนอทำประชามติกาสิโนก่อน ไม่ควรรีบทำตามใบสั่งการเมือง ต้องรอบคอบเพราะผลกระทบกว้างขวาง
Lifestyle

เครือข่ายหยุดพนันบุกกฤษฎีกา ยื่น 4 ข้อหนุนความเห็นกฤษฎีกาแยกกาสิโนออกจากสถานบันเมิงครบวงจร ชงควรอยู่ภายใต้ พรบ.พนัน พร้อมขอเวลาให้ภาคีรวบรวมรายชื่อประชาชนเสนอทำประชามติกาสิโนก่อน ไม่ควรรีบทำตามใบสั่งการเมือง ต้องรอบคอบเพราะผลกระทบกว้างขวาง

นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน พร้อมด้วยตัวแทนมูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายนักศึกษานิติศาสตร์ และเครือชุมชนลดปัจจัยเสี่ยงกว่า 50 คน เข้ายื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อแสดงจุดยืนให้ฟังเสียงประชาชน มากกว่ารับคำสั่งฝ่ายการเมือง โดยเครือข่ายได้แสดงละครล้อเลียน คณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เปรียบเสมือนพ่อครัวอย่าแต่มุ่งทำอาหารประเคนฝ่ายการเมือง โดยไม่ให้ความสำคัญกับเสียงสะท้อนความต้องการของประชาชน พร้อมชูป้ายข้อความอาทิ กฤษฎีกาต้องอิสระไม่ถูกควบคุมสั่งการจากการเมือง รัฐบาลต้องเป็นผุ้ควบคุมไม่ใช่เปิดทางสร้างผีพนัน กาสิโนต้องอยู่ภายใต้ พรบ.พนัน เป็นต้น

​นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ตามที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รับดำเนินการตรวจและปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อพร้อมนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในลำดับถัดไป โดยก่อนหน้านั้นเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีหนังสือแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา มูลนิธิรณรงค์หยุดพนันและภาคีเครือข่าย ใคร่ขอแสดงความเห็นและข้อเสนอแนะ ดังนี้

1. มูลนิธิรณรงค์หยุดพนันและเครือข่ายฯ เห็นด้วยกับข้อเสนอของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า กิจการสถานบันเทิงครบวงจรกับกิจการสถานเล่นพนัน ควรแยกการพิจารณาออกจากกัน เพราะกิจการหนึ่งมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่อีกกิจการหนึ่งมีวัตถุประสงค์ในการแก้ปัญหาการพนัน ด้วยแต่ละกิจการต่างมีกฎหมายเฉพาะที่ควบคุมอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องมีกฎหมายในเรื่องนั้น ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก เพราะจะเป็นความซ้ำซ้อน และควรใช้มาตรการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสำคัญ
นายธนากรกล่าวอีกว่า

2. การออกกฎหมายใหม่นี้ จึงดูมีเจตนาอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้อำนาจออกใบอนุญาต และผู้ประกอบธุรกิจ ในลักษณะจอดจุดเดียวจบ หรือ one-stop service ซึ่งไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องอำนวยความสะดวกให้มากเช่นนี้ และอาจขัดกับกฎหมายเดิมเมื่อถึงคราวปฏิบัติจริง การออกกฎหมายใหม่เพื่อการนี้จึงเปรียบเสมือนการพยายาม “สวมเสื้อตัวใหญ่” ที่จะก่อให้เกิดความรุ่มร่าม จนสุดท้ายเป็นอุปสรรคต่อผู้ใช้งานเอง

3. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 77 บัญญัติว่า “รัฐพึงมีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น” และในเมื่อสถานกาสิโน คือ แหล่งเล่นพนันขนาดใหญ่ กิจการนี้ก็พึงอยู่ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่แล้ว คือ พระราชบัญญัติการพนัน เป็นการเข้าตามตรอกออกตามประตูที่พึงกระทำ มิใช่การใช้วิธีสร้างทางลัดหรือทางลอดของตนเอง โดยใช้วิธีการออกกฎหมายพิเศษหรือกฎหมายเฉพาะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทำในสิ่งที่ตนอยากทำได้ ที่สำคัญยิ่งคือ รัฐพึงเป็นผู้ควบคุมการพนัน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สามารถก่อให้เกิดผลกระทบทางลบต่อภาวะเศรษฐกิจ ความปลอดภัยในชีวิต สุขภาพกายและจิต และความมั่นคงของมนุษย์ รัฐจึงไม่พึงอยู่ในฐานะผู้ส่งเสริมหรือสนับสนุนการเพิ่มแหล่งพนันด้วยนโยบายของรัฐบาลเอง เพราะรัฐเปรียบเสมือนอัศวินผู้ปราบยักษ์มาร มิใช่ผู้เปิดประตูเมืองให้ยักษ์มารย่างกรายเข้ามาอย่างสง่างามโดยการออกกฎหมายใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบธุรกิจการพนัน และหากเอกชนรายใดต้องการประกอบกิจการจำพวกนี้ ก็พึงเสนอขออนุญาตตามช่องทางของกฎหมายที่มีอยู่

“ มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน และภาคีเครือข่ายขอเป็นกำลังใจให้คณะกรรมการกฤษฎีกายืนหยัดในความถูกต้อง โดยยึดมั่นว่า “ลูกค้าที่แท้จริงของท่านคือประชาชน” และดำรงความเป็นอิสระจากการแทรกแซงของฝ่ายการเมือง เพื่อดำรงศรัทธาและความเชื่อถือของอนุชนคนรุ่นใหม่ และประชาชนต่อการทำหน้าที่ของคณะกรรมการกฤษฎีกาสืบไป และ 4. ขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาสนับสนุนการขอใช้สิทธิของประชาชนในการเข้าชื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีจัดทำประชามติ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ จึงขอให้รัฐบาลเคารพสิทธิของประชาชน และให้โอกาสเครือข่ายในการดำเนินการรวรวมรายชื่ออย่างน้อย 60 วัน โดยไม่เร่งรัดจะให้ออกกฎหมายนี้โดยเร็วตามความต้องการของฝ่ายการเมือง”นายธนากร กล่าว

Recent Posts

Categories

Related Articles

ยูนิ.ชาร์ม ตอกย้ำพันธกิจ “สร้างสังคมแห่งการดำรงอยู่ร่วมกันให้เกิดขึ้นเป็นจริง”

ยูนิ.ชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด สานต่อพันธกิจ “การสร้างสังคมแห่งการดำรงอยู่ร่วมกันให้เกิดขึ้นเป็นจริง” ภายใต้ Love Your PossibilitiesCorporate Brand Essence “Love...

เครือข่ายครูไทยฯ ออกแถลงการณ์ วอน รมว.ศึกษา ล้ม MOU โรงเบียร์ ให้สวัสดิการจูงใจครูเข้าถึงอบายมุข กระทบสุขภาพกาย สุขภาพจิต ทำเกียรติแห่งวิชาชีพเสื่อมถอย ลูกศิษษ์เอาอย่างติดเหล้าตั้งแต่เด็ก พร้อมยกตัวอย่างสวัสดิการที่ดี ลดค่ายา-ค่ารักษา-ค่าเดินทาง

นางชญาภา คุณปิติคณา ผู้ประสานงานเครือข่ายครูไทยไม่เอาสวัสดิการเพิ่มอบายมุข เปิดเผยว่า เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ได้มีการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เมื่อวันที่ 14...

เครือข่ายเยาวชน ยื่น 4 ข้อ ถึงนายกฯ เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก ขอบคุณที่เอาจริงปราบบุหรี่ไฟฟ้า ปกป้อง เด็ก เยาวชน หวังเห็นการทำงานต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มโทษคนทำผิด เจ้าหน้าที่รับส่วย

เครือข่ายเยาวชน-ครอบครัว นำโดย นางสาวยศวดี ดิสสระ แกนนำเครือข่ายนักสื่อสารรุ่นใหม่ และ นางสาวเพชรลดา ศรัทธารัตนตรัย แกนนำเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง พร้อมเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว เครือข่ายครอบครัวปลอดบุหรี่...

เครือข่ายเยาวชนเชียร์รัฐบาลปราบบุหรี่ไฟฟ้า ขอจริงจังต่อเนื่อง ชงเพิ่มโทษหนักเจ้าหน้าที่รัฐรับส่วยหรือทำผิดเสียเอง วอนเร่งสร้างความชัดเจน ในขอบเขตอำนาจของครูและบุคลากรทางการศึกษา ขั้นตอนการตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงการจัดการหลังตรวจยึด มิให้เด็กกลายเป็นผู้ต้องหา

นายธนภัทร แสงหิรัญ ผู้ประสานงานเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน(ขสย.) กล่าวว่าต้องขอบคุณรัฐบาลที่จริงจังกับการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องเด็ก เยาวชนและคุ้มครองสุขภาพประชาชน ถือว่าเป็นนโยบายรูปธรรมที่ชัดเจน และจับต้องได้อันหนึ่ง แม้ช่วงใกล้เลือกตั้งพรรคเพื่อไทยเคยมีแนวคิดจะทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย แต่เข้าใจว่าเมื่อได้รับข้อมูลต่างๆชัดเจนขึ้น หลักฐานงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศออกมาต่อเนื่อง และข่าวสารผลกระทบจากบุหรี่ไฟฟ้าเกิดขึ้นรายวัน...