Hotline 083-411-9393
Thursday , 21 August 2025
Home Lifestyle เครือข่ายด้านเด็กเยาวชน  ยืนหนังสือ รมว.ศธ.หนุนนโยบายสถานศึกษาปลอดบุหรี่ไฟฟ้า 100 % เชียร์ปรับแก้กฎหมายให้อำนาจครู ผอ. บุคลากรทางการศึกษายึดบุหรี่ไฟฟ้าได้    วอน ศธ.แสดงจุดยืนไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฏหมายเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชน
Lifestyle

เครือข่ายด้านเด็กเยาวชน  ยืนหนังสือ รมว.ศธ.หนุนนโยบายสถานศึกษาปลอดบุหรี่ไฟฟ้า 100 % เชียร์ปรับแก้กฎหมายให้อำนาจครู ผอ. บุคลากรทางการศึกษายึดบุหรี่ไฟฟ้าได้    วอน ศธ.แสดงจุดยืนไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฏหมายเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชน

แกนนำเครือข่ายคนทำงานด้านเด็กและเยาวชน ประกอบด้วยด้วยเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน  มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว  กลุ่มไม้ขีดไฟ กลุ่มรักษ์เขาชะเมา  กลุ่มปั้นดินเพื่อเด็กและเยาวชน   เครือข่ายบางกอกนี้ดีจัง ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนคนหนุ่มสาว(ฮักบ้านเกิด) สมาคมเยาวชนพัฒนาบ้านเกิด (PPS)  เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อสังคม  เครือข่ายสื่อสร้างสรรค์เพื่อขับเคลื่อนสังคม และเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง กว่า 40 คน ได้เข้ายื่นหนังสือถึงพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านทาง นายปรีดี ภูสีน้ำ หัวหน้าผู้ตรวจราชการศธ. เพื่อสนับสนุนนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา และมีข้อเสนอเพิ่มเติม  โดยในตอนท้ายเครือข่ายได้ร่วมกันทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ แบนบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนด้วย  
 
นายอับดุลปาตะ ยูโซะ ผู้ประสานงานเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน ภาคใต้
กล่าวว่า  ที่ผ่านมาสมาชิกเครือข่ายของเราได้ร่วมกันทำกิจกรรมรณรงค์เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากภัยบุหรี่ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ฝ่ายการเมืองและกลุ่มทุนบุหรี่ไฟฟ้าก็พยายามทำทุกทางให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ถูกกฎหมาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและอ้างว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน  ซึ่งมันได้ไม่คุ้มเสียกันเลย และจากการลงพื้นที่จัดเวทีระดมสมอง  และเก็บข้อมูลของภาคีเครือข่ายทั้งสี่ภาค ในช่วงปลายปี 2567 พบสถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าน่ากังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้   เด็กและเยาวชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่ายมาก ทั้งที่ผู้ใหญ่บอกว่าผิดกฎหมายหลายฉบับและมีบทลงโทษหนัก  เข้าถึงง่ายทั้งในรูปแบบ online และ offline พบมีการเปิดหน้าร้านขายในชุมชน ตลาดเหมือนร้านทั่วไป  มีช่องทาง on line มากมายที่เด็กเข้าถึงได้  พบเด็กอายุ 9 ขวบใช้บุหรี่ไฟฟ้า  เด็กผู้หญิงเริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าผู้ชาย   เด็กไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องเรื่องภัยของบุหรี่ไฟฟ้าและมีชุดความเชื่อผิดๆที่ส่งผลให้เข้าสู่วงจรนักสูบหน้าใหม่ เช่น อันตรายน้อยกว่า ไม่ส่งผลอะไรต่อผู้อื่น  และเท่ห์  เพราะเห็นไอดอลหลายคนก็ใช้  รวมไปถึงผู้บังคับใช้กฎหมาย   และยังพบเด็กใช้บุหรี่ไฟฟ้าร่วมกันมากขึ้น  ในขณะที่ผู้ปกครองเองก็ขาดความรู้ และยังรับความเชื่อผิดๆว่าไม่เป็นไร  อันตรายน้อยกว่า หรือช่วยให้เลิกบุหรี่มวนได้ซึ่งงานวิจัยจำนวนมากชี้ว่าไม่จริงเลย  

“อย่างไรก็ตามมีเสียงสะท้อนจากครู  นักเรียน และผู้ปกครองในสถานศึกษาหลายแห่งบอกว่า โรงเรียนยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในการปกป้องเด็กเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า  ยังไม่รู้ว่าอะไรทำได้ทำไม่ได้  หรือมีอำนาจขอบเขตตามกฎหมายแค่ไหนในการทำงานเรื่องนี้  เช่น ครูไม่กล้ายึดบุหรี่ไฟฟ้า  เพราะเกรงจะมีปัญหาข้อกฎหมาย  ครูไม่กล้าตักเตือนเพราะ ผู้ปกครองที่ยังเข้าใจว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตรายมาตำหนิ ต่อว่า โต้กลับครูที่เข้ามาดำเนินการ  และยังพบอีกว่าบุคคลสาธารณะ  รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนมากก็ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากันอย่างท้าทายกฎหมาย” นายอับดุลปาตะ กล่าว    

  
ด้านนางสาวเพชรลดา  ศรัทธารัตนตรัย  แกนนำเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง
กล่าวว่าจากการติดตามการทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา  ของกระทรวงศึกษาธิการช่วงที่ผ่านมา  พบว่ามีความก้าวหน้าในหลายระดับ และสถานศึกษาเริ่มเห็นปัญหาและเอาจริงเอาจังกับการป้องกันแก้ไขปัญหามากขึ้น  ในการนี้เครือข่ายจึงขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการดังต่อไปนี้  

1.เครือข่ายขอสนับสนุนการทำงานของกระทรวง  เพื่อทำให้สถานศึกษาปลอดจากบุหรี่ไฟฟ้า 100% และขอให้กำลังใจบุคลากรทางการศึกษาทุกท่านที่ตั้งใจทำเรื่องนี้   ทั้งนี้กระทรวงจำเป็นต้องออกกฎกติกาให้ชัดเจน  ปฏิบัติได้จริง  และควรมีกฎหมายที่ช่วยคุ้มครองปกป้องครูจากการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหานี้ด้วย  

2. กระทรวงต้องดำเนินการสนับสนุนให้ครูทำงานช่วยให้เด็กเลิกบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ตีตรา ให้โอกาส  และเร่งติดตั้งเครื่องมือเพื่อสร้างการเรียนรู้ให้เด็กนักเรียนและผู้ปกครองเท่าทันพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า

3. รัฐบาลและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต้องทำความเข้าใจ  หาจุดยื่นร่วมกันและวางแผนในการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังระบาดอย่างหนักในประเทศไทย  ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ปล่อยให้เด็กกลายเป็นเหยื่อ  

4. ขอคัดค้านข้อเสนอให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย  ทั้งของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย สภาผู้แทนราษฎร รวมถึงข้อเสนอของฝ่ายการเมืองที่ต้องการเอาสิ่งผิดกฎหมายอย่างบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาหาประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ เพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย   และขอให้กระทรวงแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องนี้ด้วย เพื่อปกป้องอนาคตของชาติ

ด้านนายจเรศักดิ์  ศักดิ์สินไพบูลย์  ประธานเครือข่ายนักกฎหมายเพื่อสังคม กล่าวว่าประเทศไทยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าหลายฉบับ อาทิ คำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 24/2567 เรื่อง ห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือ ตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า กรณีผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า มีความผิดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2557 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 5 เท่า ของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ กับให้ริบบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งสิ่งที่ใช้บรรจุ และพาหนะใดๆ ที่ใช้ในการบรรทุกสินค้าบุหรี่ไฟฟ้านั้นด้วย นอกจากนั้นยังเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 244 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลอาจสั่งริบของนั้นก็ได้ ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่

“กรณีผู้ครอบครองหรือรับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า อันเป็นสินค้าห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรจะมีความผิดฐาน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง ของ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ สำหรับพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 ยังระบุห้ามสูบบุหรี่ไฟฟ้าในสถานที่สาธารณะมีบทลงโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท  ด้านการคุ้มครองเด็กจากพิษภัยของบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าพบใน พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 26 คือห้ามใช้เด็กไปซื้อบุหรี่   ใช้จ้างหรือวานให้เด็กทำงานหรือกระทำการอันอาจเป็นอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตหรือขัดขวางต่อพัฒนาการของเด็กมาตรา ห้ามจำหน่ายแลกเปลี่ยนหรือให้สุราหรือบุหรี่แก่เด็กเป็นต้น และถือเป็นเรื่องดีที่กระทรวงศึกษาธิการได้ขอให้กระทรวงพานิชย์ พิจารณาแต่งตั้งผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 เพื่อให้มีอำนาจและหน้าที่ยึดบุหรี่ไฟฟ้า ความผิดตามมาตรา 17 (3) ในบริเวณสถานศึกษาได้ด้วย” นายจเรศักดิ์ กล่าว

    Recent Posts

    Categories

    Related Articles

    CADT DPU จัด Flight Simulator Landing Challenge 2025 สร้างแรงบันดาลใจสู่อาชีพนักบินพร้อมเปิดหลักสูตร ป.ตรี ควบใบอนุญาตนักบินพาณิชย์ตรี ภายใน 3.5 ปี

    วิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบิน (CADT) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดการแข่งขันการบินเสมือนจริงโดยเครื่องจำลองการบิน (Simulator) ภายใต้โครงการ Flight Simulator Landing Challenge 2025...

    Trip.com Group ตอกย้ำบทบาทผู้นำท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก เปิดตัวฟีเจอร์แสดงข้อมูลปล่อยคาร์บอนทุกการเดินทาง พร้อมดูแลชุมชนและพนักงานครบทุกมิติ

    Trip.com Group ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวชั้นนำ ได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนฉบับล่าสุด โดยรายงานนี้แสดงให้เห็นความก้าวหน้าที่สำคัญของบริษัทในด้านความยั่งยืน โดยมีหลักการ “Friendly Four” เป็นแนวทาง ได้แก่ การเป็นมิตรต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นมิตรต่อชุมชน...

    สสส.– มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว ผนึก โรงเรียนเสนานิคม จัดนิทรรศการสัญจร “FAKE OR FRESH?” ปลูกภูมิคุ้มกันเด็กไทย “เลือกได้ ดูออก” เท่าทันภัยบุหรี่ไฟฟ้า

    สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว จัดนิทรรศการสัญจร FAKE OR FRESH? – MY LIFE EXHIBITION ภายใต้โครงการ...