วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ร่วมนำเสนอผลงานการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์จากผ้าทอมือลายวิจิตรนนทรี ภายในงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568 (Thailand Research Expo 2025)” โดยผลงานดังกล่าว อยู่ภายใต้โครงการ ออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น ปีที่ 6 ชูแนวคิด Zero Waste ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากเศษผ้า เพื่อลดปริมาณขยะและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศษผ้าที่เหลือทิ้งจากการตัดเย็บ อาทิ กิ๊บติดผม โบว์ กระเป๋า และอื่น ๆ เจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่น ตั้งเป้าเพื่อเพิ่มรายได้และสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน โดยทีมผู้รับผิดชอบโครงการฯ ประกอบด้วย อาจารย์สุรชัย สวนทับทิม รองคณบดีและหัวหน้าหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศและสาขาวิชาการจัดการ ทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบโครงการหลัก โดยมี ผศ.ชุติธารรัฐ อุตมะสิริเสนี ทำหน้าที่หัวหน้าทีมที่ปรึกษาโครงการฯ และคณะทีมที่ปรึกษาโครงการวิจัย ได้แก่ อาจารย์สุกัญญา สิงห์ตุ้ย และ ผศ. ดร.จรัญญา ปานเจริญ

ผศ.ชุติธารรัฐ อุตมะสิริเสนี อาจารย์ประจำหลักสูตรสาขาการตลาดและการสร้างแบรนด์ในยุคดิจิทัล วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น ปีที่ 6 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างวิทยาลัย CIBA และธนาคารออมสิน มีเป้าหมายส่งเสริมให้นักศึกษานำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชนอย่างยั่งยืน โดยนักศึกษาจากทีม DPU รักษ์ถิ่น ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ผ้าทอลายวิจิตรนนทรี จากศูนย์วิสาหกิจทอผ้าจังหวัดนนทบุรี (กลุ่มรวมใจรักษ์มหาสวัสดิ์) วัดโคนอนมหาสวัสดิ์ จ.นนทบุรี ซึ่งเป็น 1 จาก 5 ชุมชน ที่นักศึกษาและทีมคณาจารย์ ได้เข้าไป ร่วมคิด ร่วมทำ และบูรณาการภูมิปัญญา โดยนำวิทยาการ กระบวนการทำงานสมัยใหม่ ไปยกระดับขีดความสามารถ พร้อมผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้มีศักยภาพ มีมูลค่าเพิ่มและสามารถแข่งขันในตลาดได้
ทั้งนี้ ศูนย์วิสาหกิจทอผ้าจังหวัดนนทบุรี เป็นศูนย์ทอผ้าที่เปิดใหม่ จึงมีความต้องการให้คนรุ่นใหม่เข้าไปช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์และทำการตลาดซึ่งเดิมนั้นศูนย์ทอผ้าแห่งนี้ มีทีมช่างทอผ้าที่ล้วนเป็นผู้สูงอายุซึ่งมีทักษะการทอผ้าเป็นผืนเพียงอย่างเดียว ดังนั้น CIBA จึงหาแนวทางในการพัฒนาสินค้าที่ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายใหม่ แต่ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากผ้าลายวิจิตรนนทรีซึ่งเป็นลายอัตลักษณ์ของจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเดิมการนำผ้าผืนมาตัดเป็นชุดวางขาย ทำให้เกิดเศษผ้าเหลือใช้จำนวนมาก ทีมนักศึกษาจึงพัฒนาสินค้าใหม่ จากแนวคิด Zero Waste เพื่อลดปริมาณขยะจากเศษผ้าและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยออกแบบผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์จากเศษผ้า อาทิ กระเป๋า พวงกุญแจ กิ๊บติดผม และโบว์ เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับความนิยมจากกลุ่มวัยรุ่น โดยเฉพาะกิ๊บติดผมที่ขายดีเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการออกแบบที่ทันสมัยและราคาที่เหมาะสม

โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ได้รับคัดเลือกจาก ศูนย์วิจัย พัฒนา และนวัตกรรม (Research Development and Innovation : RDI) ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ให้เข้าร่วมจัดแสดงในงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568” โดยจัดแสดงในธีมการพัฒนาชุมชนวิสาหกิจและSMEs สอดคล้องกับ SDGs (Sustainable Development Goals) ของมหาวิทยาลัย และเป็นตัวอย่างของการวิจัยเชิงประยุกต์ที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและเศรษฐกิจในระดับชุมชน ทั้งยังตอบสนองเทรนด์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
“เรามีเป้าหมายที่จะสร้างชมรมมัคคุเทศก์น้อยผ้าลายวิจิตรนนทรีให้ได้ภายในปีนี้ หากชุมชนสามารถต่อยอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ จะทำให้เกิดความเข้มแข็งในชุมชน โดยให้โรงเรียนเป็นแกนนำต่อยอดไปยังโรงเรียนอื่นๆ ในพื้นที่ เพื่อสร้างเครือข่ายจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการยกระดับผ้าลายวิจิตรนนทรีให้เป็นที่รู้จักและเกิดความยั่งยืน รวมถึงผลักดันให้ผ้าไทยลายนี้เป็นชุดประจำจังหวัดที่ใส่ได้หลากหลายโอกาสและเป็นที่นิยม
นอกจากนี้ยังมีการจัดอบรมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการนำเศษผ้ามาตัดเย็บ ทำให้มีผู้ผลิตสินค้าจากเศษผ้าเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ยังผลักดันให้ศูนย์ทอผ้าเป็นศูนย์การเรียนรู้ ผ่านการประชาสัมพันธ์ทางสื่อออนไลน์ และการเข้าร่วมงานหรือเวทีต่างๆ” ผศ.ชุติธารรัฐ กล่าว

ผศ.ชุติธารรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น เป็นตัวอย่างที่ดีของการบูรณาการความรู้ทางวิชาการกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งผลให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับประสบการณ์ในการนำความรู้จากห้องเรียนสู่การปฏิบัติจริง นอกจากนี้ การได้ทำงานร่วมกับชุมชนจะช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสาร การทำงานเป็นทีม และความเข้าใจบริบทสังคมที่หลากหลาย ซึ่งจะเปิดมุมมองใหม่และเสริมสร้างความมั่นใจให้กับนักศึกษาก่อนก้าวสู่โลกการทำงาน เมื่อเรียนจบไปแล้ว ไม่ว่าจะเลือกเป็นผู้ประกอบการหรือไปทำงานในองค์กรชั้นนำ นักศึกษาก็สามารถนำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปต่อยอดในอาชีพได้ โครงการนี้ยังเป็นการยืนยันคุณภาพของหลักสูตรเมื่อนักศึกษาสามารถสร้างผลลัพธ์เป็นรูปธรรมได้ พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกในการใช้ความรู้เพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติอย่างแท้จริง
สำหรับหลักสูตรการเรียนการสอนของ CIBA DPU นอกจากความรู้ด้านวิชาการแล้ว ยังจัดกระบวนการ เตรียมความพร้อมนักศึกษาตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 ผ่านการเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมาถ่ายทอดความรู้ให้กับนักศึกษา ส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียน พร้อมลงมือปฏิบัติงานจริงจากโจทย์ปัญหาของสถานประกอบการ เพื่อให้นักศึกษาได้สั่งสมประสบการณ์ในทุกชั้นปีการศึกษา นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พร้อมทั้งการพัฒนาศักยภาพให้แก่อาจารย์ผู้สอนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เพื่อให้สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ทันสมัยแก่นักศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สนใจหลักสูตร CIBA DPU ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.dpu.ac.th/th/college-of-innovative-business-and-accountancy