Hotline 083-411-9393
Friday , 4 July 2025
Home News ผลสำรวจ Philips’ Healthy Living in Asia เผยถึงช่องว่างระหว่างการตรวจวัดผลด้านสุขภาพ และการลงมือดูแลสุขภาพ ที่จำเป็นต้องสร้างพฤติกรรมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันให้มากขึ้นในปี 2023
News

ผลสำรวจ Philips’ Healthy Living in Asia เผยถึงช่องว่างระหว่างการตรวจวัดผลด้านสุขภาพ และการลงมือดูแลสุขภาพ ที่จำเป็นต้องสร้างพฤติกรรมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันให้มากขึ้นในปี 2023

  • ถึงแม้ว่าเทรนด์การตรวจวัดสุขภาพส่วนบุคคลจะเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่กลุ่มตัวอย่างในไทยกว่าร้อยละ 16 บอกว่าพวกเขาแทบจะไม่เคยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้องกับข้อมูลจากการตรวจวัดผลสุขภาพ ในขณะที่ร้อยละ 9 ไม่เคยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเลย
  • คำแนะนำของแพทย์เป็นแรงจูงใจสำคัญที่สุดของคนเอเชียต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านสุขภาพให้สอดคล้องกับข้อมูลด้านสุขภาพส่วนบุคคล แต่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพส่วนบุคคลกับแพทย์
  • มากกว่าร้อยละ 74 ของกลุ่มตัวอย่างมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านสุขภาพ หากพวกเขาสามารถเข้าถึงอุปกรณ์และเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Gen X (ร้อยละ 86) และกลุ่ม Baby Boomers (ร้อยละ 85)
  • ความร่วมมือ การให้ความรู้ และการประยุกต์ใช้สมาร์ทเทคโนโลยี  คือกุญแจสำคัญสู่พฤติกรรมการดูแลสุขภาพเชิงรุกในปี 2023 เป็นต้นไป

รอยัล ฟิลิปส์ (NYSE: PHG, AEX: PHIA) ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพระดับโลก ได้เผยถึงผลสำรวจ Healthy Living in Asia ซึ่งจัดทำร่วมกับบริษัทวิจัยชั้นนำอย่าง Kantar Profiles Network สำรวจกลุ่มตัวอย่างกว่า 4,000 คน ในประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ เพื่อสำรวจถึงช่องว่างระหว่างการตรวจวัดผลสุขภาพกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่างในภูมิภาค ในขณะที่มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลเพื่อตรวจวัดระดับสุขภาพเพิ่มมากขึ้นจากช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด 19  แต่ยังมีคนจำนวนมากที่ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้องกับข้อมูลจากการตรวจวัดด้านสุขภาพ เทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพตนเองในเอเชียมากขึ้น และกำลังเป็นปัจจัยสำคัญต่อผู้บริโภคในการใช้งานและทำความเข้าใจ เพื่อนำไปสู่การยกระดับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันในปี ค.ศ. 2023 นี้เป็นต้นไป

ผลสำรวจพบว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19ผลักดันให้เกิดความสนใจในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันอย่างมาก โดยเกือบหนึ่งในสาม (ร้อยละ30) ของผู้ตอบแบบสำรวจในภูมิภาคได้มีการใช้อุปกรณ์เพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลมากกว่าตอนก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด19  สำหรับในประเทศไทยกลุ่มตัวอย่างส่วนมากจะมีการตรวจวัดด้านสุขภาพอย่างน้อยเดือนละครั้ง เกี่ยวกับสุขภาพหัวใจ (ร้อยละ 47) สุขภาพช่องปากและฟัน (ร้อยละ 36) ตรวจวัดคุณภาพการนอนหลับ (ร้อยละ 45)และคุณค่าทางโภชนาการ (ร้อยละ 42) ถึงแม้ว่าเทรนด์การตรวจวัดสุขภาพจะเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน แต่กว่าร้อยละ 16บอกว่าพวกเขาแทบจะไม่เคยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้องกับข้อมูลจากการตรวจวัดผลสุขภาพ และร้อยละ 9 ไม่เคยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของพวกเขาเลย ในขณะที่ร้อยละ 40บอกว่า พวกเขามีการเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ แต่ยังรู้สึกว่าพวกเขาสามารถทำได้มากกว่านี้ในการดูแลสุขภาพให้ดี

พฤติกรรมด้านการดูแลสุขภาพของคนไทย

หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญมากขึ้น เห็นได้ชัดจากกว่าร้อยละ 40 ของกลุ่ม Young Millennials ที่มีช่วงอายุ 26 ถึง 30 ปี มีการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลมากกว่าก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะที่ร้อยละ 70 ของกลุ่ม Gen X และ Baby Boomers ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพตนเองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่ม Baby Boomers ที่อยู่ในช่วงอายุ 56 – 65 ปี มีความตื่นตัวในการดูแลสุขภาพ ด้วยการหาข้อมูลด้านสุขภาพทางออนไลน์ มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านการดูแลสุขภาพ และมีการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

มุมมองของคนไทยต่ออุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล

ร้อยละ 74 ของกลุ่มตัวอย่างในประเทศไทยเผยว่าพวกเขาพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ หากพวกเขาสามารถเข้าถึงอุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลได้ แบ่งเป็นร้อยละ 86 ของกลุ่ม Gen X  ร้อยละ 85 ของกลุ่ม Baby Boomers  และร้อยละ 73 ของกลุ่ม Millennials

การปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมจากการได้รับข้อมูลด้านสุขภาพ

ถึงแม้ว่าคนไทยจะมีการตรวจวัดสุขภาพมากขึ้น แต่กลับมีเพียง 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างที่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพให้สอดคล้องกับผลของการตรวจวัดสุขภาพแบบดิจิทัล ในขณะที่ร้อยละ 40 เชื่อว่าพวกเขายังสามารถปรับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของตนเองได้มากกว่านี้ โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z (ร้อยละ 44) และ Young Millennials (ร้อยละ42)

จากผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า ร้อยละ 47 ของกลุ่มตัวอย่างในภูมิภาคนี้มองว่าคำแนะนำของแพทย์เป็นแรงจูงใจที่สำคัญที่สุดต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้องกับข้อมูลการตรวจวัดด้านสุขภาพส่วนบุคคล โดยร้อยละ 51 ของกลุ่มตัวอย่างในประเทศไทยบอกว่า พวกเขามีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้องกับข้อมูลการตรวจวัดด้านสุขภาพ หากได้รับคำแนะนำจากแพทย์และผู้ให้บริการด้านสาธารณสุข อย่างไรก็ตามมีเพียงส่วนน้อยของกลุ่มตัวอย่างในประเทศไทยที่เปิดเผยข้อมูลการตรวจวัดสุขภาพแบบดิจิทัลกับแพทย์และผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากปัจจัยด้านความกังวลถึงความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (ร้อยละ 41) และปัจจัยด้านขาดความรู้ในการแชร์ข้อมูลการตรวจวัดด้านสุขภาพ (ร้อยละ 24) โดยกลุ่มตัวอย่างในประเทศไทยร้อยละ 23 บอกว่าพวกเขาไม่รู้ถึงวิธีการแชร์ข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพส่วนบุคคลให้กับแพทย์ และร้อยละ 11 บอกว่าพวกเขาขาดการรับรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล ทำให้เป็นอุปสรรคสำหรับพวกเขาในการดูแลสุขภาพให้ดีขึ้น

นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน คนไทยจำนวนมากหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพที่ดีในระยะยาว และการดูแลรักษาปัญหาสุขภาพที่อาจมีอยู่ก่อนแล้ว การตรวจวัดสุขภาพถือเป็นก้าวแรกของการดูแลสุขภาพ แต่เพื่อให้เห็นผลอย่างแท้จริง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพความรู้ คือปัจจัยสำคัญในการนำข้อมูลจากการตรวจวัดด้านสุขภาพไปประยุกต์ใช้นอกจากนี้ระบบเฮลท์แคร์ในภูมิภาคจะต้องมีกรอบการทำงานและโครงสร้างพื้นฐานในการเชื่อมต่อบุคลากรทางการแพทย์กับข้อมูลด้านสุขภาพส่วนบุคคลอย่างปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลเหล่านั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพของผู้คน”

และอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมการดูแลสุขภาพ คือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลให้ก้าวหน้า จากผลสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียให้ความสนใจต่อข้อมูลด้านสุขภาพ โดยผลสำรวจในประเทศไทยพบว่า การรายงานผลตรวจวัดสุขภาพบนอุปกรณ์เพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลที่ (ร้อยละ 49) และการออกแบบอุปกรณ์เพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลให้สามารถแสดงผลข้อมูลให้เข้าใจง่าย (ร้อยละ 51) เป็นปัจจัยสำคัญต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพ

นาย เมียร์ เคียร์ Business Leader กลุ่มธุรกิจ Personal Health ฟิลิปส์ เอเชีย-แปซิฟิค กล่าวว่า “ในปี 2023 เป็นต้นไป การสนับสนุนให้ผู้บริโภคมีการนำข้อมูลด้านสุขภาพไปใช้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพเชิงรุก    เราจำเป็นต้องทำมากกว่าการเชื่อมต่อระหว่างบุคลากรทางแพทย์กับข้อมูลด้านสุขภาพ ฟิลิปส์เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเชื่อมต่อผู้บริโภคกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่สามารถให้คำแนะนำจากข้อมูลที่มีอยู่ได้ ยกตัวอย่างเช่น นวัตกรรมแปรงสีฟันไฟฟ้า ที่สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นสำหรับผู้ใช้ เพื่อให้คำแนะนำและการแปรงฟันแบบเฉพาะบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ จากการวิเคราะห์พฤติกรรมและแนวโน้มการแปรงของผู้ใช้งานได้โดยตรง”

Related Articles

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู iX1 รุ่นฐานล้อยาวที่มาพร้อมเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupé ใหม่ มอบความแตกต่างอย่างมีสไตล์

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย พร้อมนำนักขับทั่วเมืองออกเดินทางสู่ประสบการณ์ใหม่ กับการเปิดตัวรถยนต์ใหม่ 2 รุ่นที่พร้อมตอบสนองจังหวะชีวิตที่หลากหลาย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport...

ฟอร์ดจัดแคมเปญใหญ่ฉลองครบรอบ 29 ปี ชูแนวคิด ‘ก้าวไปด้วยกัน’ จัดโปรช่วยผ่อน 29 งวดและแคมเปญพิเศษตอบแทนลูกค้า

ฟอร์ด ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 29 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด ‘ฟอร์ด 29 ปี ก้าวไปด้วยกัน’ (Growing Together)...

เปิดฉาก “ฟาสต์ ออโต โชว์ 2025” จุดพลุเติมพลังกระตุ้นตลาดรถยนต์กลางปี หนุนยอดขาย-สร้างความคึกคัก ทั้งตลาดรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้ว 2-6 ก.ค. ณ ไบเทค

“ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” (Fast Auto Show Thailand 2025) เปิดฉากตอกย้ำบทบาทสำคัญในฐานะเวทีขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ช่วงกลางปี ด้วยจุดแข็งในการรวมค่ายรถยนต์ชั้นนำและรถยนต์ใช้แล้วคุณภาพดีไว้ในที่เดียว...

เชลล์ผนึกความร่วมมือกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ยกระดับทักษะเสริมประสิทธิภาพช่างบริการศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเชลล์ทั่วไทย

บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เดินหน้าสานต่อความร่วมมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ผ่านการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือการพัฒนาฝีมือแรงงานการบำรุงรักษารถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพื่อเพิ่มทักษะและความก้าวหน้าในอาชีพให้กับช่างประจำศูนย์บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเชลล์ ให้เป็นไปตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ที่เคยผ่านการฝึกอบรมจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ก้าวเข้าสู่สายอาชีพอย่างมั่นคงในฐานะทีมช่างฝีมือของเชลล์...